
ย้ำนโยบายลดค่าครองชีพคนไทย
ย้ำนโยบายลดค่าครองชีพคนไทย ปลัดพาณิชย์คนใหม่มั่นใจข้าวไทยยังมีเสน่ห์ หลังเสียแชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลกให้ข้าวกัมพูชา
“ปลัดพาณิชย์” มั่นใจข้าวหอมมะลิไทยยังไม่หมดเสน่ห์ หลังเสียแชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลกให้ข้าวกัมพูชา พร้อมเปิด 9 ภารกิจขับเคลื่อนงาน เน้นลดค่าครองชีพ บริหารจัดการ สินค้าเกษตร เร่งรัดส่งออก ดัน Soft Power ลุยตลาดโลก เพิ่มบุคลากรรองรับงานที่เพิ่มขึ้น หวังเป็นที่พึ่งเอกชน–ประชาชน และขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล
นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ว่า มั่นใจว่า ข้าวหอมมะลิไทยยังไม่หมดเสน่ห์ และยังสามารถครองใจตลาดต่างประเทศได้อย่างแน่นอน แม้เพิ่งเสียแชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลกปี 65 ให้กับข้าวหอมมะลิผกาลำดวน จากกัมพูชา ในการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลก ปี 65 เพราะแพ้กันที่กลิ่นหอม แต่คุณภาพมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยยังดีเหมือนเดิม แทงมวยพักยก และชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนานยังคงอยู่อีกทั้งผู้ส่งออกไทยมีชื่อเสียงเรื่องการส่งมอบตรงเวลา ซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจ จึงยังคงสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อต่างประเทศได้เป็นอย่างดี
“การประกวดมีโอกาสแพ้ ชนะได้อยู่แล้ว อย่างการแข่งขันฟุตบอลโลก อาร์เจนตินา ที่เป็นแชมป์ 2 สมัย ยังแพ้ซาอุดีอาระเบียเลย ที่สำคัญในการตัดสินมีหลายองค์ประกอบ นอกจากหลักเกณฑ์ด้านกายภาพของข้าวทั้งก่อนหุง และหลังแล้ว ยังมีความสนใจ และความชื่นชอบที่แตกต่างกันของกรรมการ แม้ครั้งนี้เสียแชมป์ แต่เราก็ได้แชมป์มาแล้วถึง 7 ครั้งจากการประกวดทั้งหมด 14 ครั้ง”
นายกีรติ กล่าวต่อว่า กระทรวงพาณิชย์จะยังเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น และทำตลาดข้าวไทยในต่างประเทศทั้งรักษาตลาดเดิม และเร่งหาตลาดใหม่ ซึ่งในปีนี้ไทยเพิ่งกลับมาส่งออกข้าวไปตลาดอิรักได้อีกครั้ง ทำให้ อิรักกลับมาเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ด้วยปริมาณกว่า 1 ล้านตัน และคาดว่าทั้งปีจะส่งออกข้าวได้ถึง 7.5 ล้านตัน จากเป้าหมายที่ 7 ล้านตัน ภาครัฐและเอกชนยังร่วมกันพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ๆ ซึ่งตามยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 63-67 จะพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ 12 สายพันธุ์ ขณะนี้สำเร็จแล้ว 6 สายพันธุ์ นำไปให้ผู้ซื้อต่างประเทศได้ทดลองชิมแล้วในงานประชุมข้าวโลก (World Rice Conference) ที่ภูเก็ต เมื่อวันที่ 16-17 พ.ย.65 ได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะจากผู้ซื้อเอเชีย
“เราต้องเร่งปรับปรุงพันธุ์ข้าวเก่าให้ดีขึ้น และพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ให้ตรงกับความต้องการตลาด แม้ข้าวไทยมีชื่อเสียง แต่ก็ไม่ประมาทคู่แข่ง ที่พัฒนาพันธุ์ข้าวหอมมาแข่งกับข้าวหอมมะลิไทย แต่ยืนยันว่าข้าวหอมมะลิไทยยังไม่หมดเสน่ห์ และยังครองใจชาวโลกได้แน่นอน”
สำหรับการส่งออกข้าวปี 66 น่าจะได้ถึง 8 ล้านตัน แม้ยังมีปัจจัยเสี่ยง ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง และค่าเงินบาทที่ผันผวน ผู้ส่งออกต้องการให้มีเสถียรภาพ และเคลื่อนไหว 35-36 บาท/เหรียญสหรัฐฯจะทำให้แข่งขันกับคู่แข่งได้ดีขึ้น
สำหรับนโยบายขับเคลื่อนกระทรวงพาณิชย์ในระยะต่อไปนั้น นายกีรติ กล่าวว่า ได้กำหนดนโยบายเร่งด่วน 9 ภารกิจสำคัญ ได้แก่ การลดภาระค่าครองชีพและการกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการ, การบริหารจัดการสินค้าเกษตรโดยใช้การตลาดนำการผลิต, การเร่งรัดการส่งออกและการค้าชายแดน, การเร่งรัดการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA), การพัฒนาระบบการบริการประชาชน นอกจากนี้ จะส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) และขนาดย่อม (MSMEs), เร่งรัดการจดทะเบียนและการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญา, การส่งเสริมภาคการผลิตและบริการผ่านการใช้ Soft Power และการขับเคลื่อน Back Office เช่น บุคลากรของกระทรวง
“ยังให้ความสำคัญกับการลดค่าครองชีพผ่านโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน และอยู่ระหว่างทำเป็นของขวัญปีใหม่ รวมทั้งดูแลราคาสินค้าและบริการให้เป็นธรรม ส่วนสินค้าเกษตรจะใช้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ดูความต้องการตลาดและแจ้งเกษตรกรให้ผลิตตามที่ต้องการ ไม่ใช่ผลิตตามที่ตัวเองถนัดทำตลาดได้ยาก”
พร้อมกันนั้น จะเร่งรัดการส่งออกและการค้าชายแดน เพื่อนำรายได้เข้าสู่ประเทศ ขณะเดียวกัน จะเร่งเจรจา FTA ใหม่ให้สำเร็จ เพื่อสร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการไทย ส่วน Soft Power จะเน้นใน 4 กลุ่มที่กระทรวงพาณิชย์ดูแล ได้แก่ อาหารและร้านอาหารไทย สุขภาพและความงาม สินค้าอัตลักษณ์ไทย เช่น แฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ของตกแต่งบ้าน และดิจิทัล คอนเทนต์ เช่น ภาพยนตร์ ละคร เกมแอนิเมชัน เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ
นายกีรติ กล่าวอีกว่า ในอีก 6 ปีนับจากนี้ก่อนเกษียณอายุราชการจะเดินหน้าปรับปรุง Back Office ของกระทรวง โดยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับภารกิจที่ประชาชนคาดหวังจากกระทรวงพาณิชย์ เพราะปัจจุบันนี้ กระทรวงพาณิชย์มีกำลังคนไม่เพียงพอกับภารกิจงาน ซึ่งได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูเรื่องนี้แล้ว โดยจะมาหาคำตอบว่าขาดคนเท่าไร ต้องการเพิ่มจุดไหน โครงสร้างการบริหารงานบุคคลปัจจุบันเหมาะสมหรือไม่ และจะนำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป
ประชาชน และผู้ประกอบการจะมีความ คาดหวังในการทำงานของกระทรวงพาณิชย์มากขึ้น ตามบริบทการค้าโลกที่เปลี่ยนไปมากในปัจจุบัน แต่เรามีกำลังคนไม่เพียงพอ อย่างสำนักงานพาณิชย์ในต่างจังหวัด บางจังหวัดมีข้าราชการ 1-2 คน บางกลุ่มงาน เช่น ตรวจราคาสินค้า มีคนทำงาน 2 คน จึงต้องการเพิ่มคนรองรับกับงานที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจะต้องดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของบุคลากร สถานที่ทำงาน และสิ่งแวดล้อมการทำงานให้ดีขึ้น อย่างบางสำนักงานไม่มีห้องน้ำให้ประชาชนที่มาติดต่องาน บางสำนักงานปลวกขึ้น ยังไม่มีงบ
ประมาณเปลี่ยน ฯลฯ
“นโยบายการทำงานทั้งหมดนี้ ก็เพื่อทำให้กระทรวงพาณิชย์ยังคงเป็นที่พึ่งของภาคเอกชน และประชาชนได้เสมอ และยังช่วยขับเคลื่อนภารกิจของรัฐบาลให้ประสบความสำเร็จได้ด้วย”.